บทความที่ได้รับความนิยม

วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Edufest @ DPU

งาน  Edufest @ DPU

 
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษา เนื่องจากการศึกษาเป็นพื้นฐานสำคัญในการดำรงชีวิต มหาวิทยาลัยจึงพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีทั้งด้านคุณภาพการเรียนการสอน อาคารเรียนและอาคารปฏิบัติการที่ทันสมัย รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกในรูปแบบที่เอื้อประโยชน์ต่อนักศึกษาอย่างสมบูรณ์แบบ ภายใต้สภาวะแวดล้อมที่สวยงามและร่มรื่น เพื่อพัฒนาและเสริมศักยภาพนักศึกษาให้สำเร็จการศึกษาเป็นบัณฑิตที่มีความสามารถและความพร้อมในการก้าวสู่การทำงานในสภาพแวดล้อมปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูงขึ้น
          ในปี 2551 นี้ มหาวิทยาลัยฯ จึงจัดกิจกรรม ที่ตอบสนองความต้องการด้านการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เพื่อเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ภายใต้ชื่อ " EduFest @ DPU มหกรรมการเรียนรู้ สู่การปฏิบัติ" ครั้งที่ 1 โดยเปิดโอกาสให้แต่ละคณะนำเสนอผลงานด้านวิชาการ รางวัลที่นักศึกษาได้รับทั้งระดับมหาวิทยาลัย และระดับประเทศ และกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ ศักยภาพและความสามารถของนักศึกษา รวมทั้งแสดงผลงานทางวิชาการและงานวิจัยของอาจารย์ที่ได้รับการยอมรับในแวดวงวิชาการทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ผ่านการจัดนิทรรศการ การเสวนา การอบรมเชิงปฏิบัติการ การสาธิต เกมส์ ฯลฯ เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้สนุกกับการเรียนรู้ การทดลองปฏิบัติจริง และกิจกรรมที่หลากหลายภายในงาน ซึ่งจากการจัดงาน 2 ปีที่ผ่านมา มีจำนวนนักเรียนสนใจเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมากกว่า18,000 คน
           
สำหรับในปี 2553 นี้มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้จัดงาน" EduFest @ DPU มหกรรมการเรียนรู้ สู่การปฏิบัติ" ครั้งที่3 ขึ้นในเดือน พฤศจิกายน โดยมีรูปแบบกิจกรรมที่หลากหลาย และสนุก น่าสนใจมากขึ้น โดยมุ่งหวังว่า นอกจากจะเป็นการนำความรู้ที่มีประโยชน์มาสู่กลุ่มเป้าหมายแล้ว กิจกรรมนี้จะช่วยสร้างความประทับใจ และความใกล้ชิดกับสถาบันแห่งนี้มากยิ่งขี้น


 

         

        

 
       
                                             

       



      




                      
        
         
                                 

บทที่3 - ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยว


ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยว
แรงจูงใจ 

แรงจูงใจของนักท่องเที่ยวเป็นแนวคิดที่เป็นแบบลูกผสมระหว่างแนวคิดทางจิตวิทยา ผสมกับแนวคิดทางด้านสังคมวิทยา แรงจูงใจของนักท่องเที่ยวจึงหมายถึงเครือข่ายทั้งหมดของพลังทางวัฒนธรรมและพลังทางชีววิทยา(Network) ซึ่งเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมทางการท่องเที่ยว

ทฤษฎีต่างๆเกี่ยวกับแรงจูงใจของนักท่องเที่ยว
1. ทฤษฎีลำดับขั้นแห่งความต้องการจำเป็น (Hierarchy of  needs)
Maslow กล่าวว่า มนุษย์เป็นสัตว์ที่มีความต้องการ และมนุษย์จะแสดงพฤติกรรมต่างๆเพื่อที่จะสนองตอบความต้องการนั้น และความต้องการของมนุษย์ไม่มีวันจบสิ้น เมื่อความต้องการอย่างหนึ่งได้รับการตอบสนองแล้ว ความต้องการอีกระดับหนึ่งก็จะเกิดขึ้นมาแทนที่ แนวคิดนี้ถูกนำเสนอเป็นปิระมิด 5ชั้น คือ ความต้องการทางด้านสรีระวิทยา ความต้องการความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต ความต้องการด้านสังคม ความต้องการที่จะมีเกียรติยศชื่อเสียงและความต้องการความสำเร็จแห่งตน
    
       2. ทฤษฎีขั้นบันไดแห่งการเดินทาง (Travel Career Ladder)
Philip  Pearce  ประยุกต์จากทฤษฎีลำดับขั้นแห่งความต้องการจำเป็นของ Maslow แต่ความแตกต่างอยู่ตรงที่ในลำดับขั้นที่1 หรือความต้องการทางสรีระวิทยา ถึงขั้นที่4 หรือความต้องการเกียรติยศชื่อเสียงนั้น  ในแต่ละขั้นเกิดขึ้นทั้งจากบุคคลเป็นผู้กำหนดเอง และมีอีกส่วนหนึ่งเป็นการชักนำหรือกำหนดโดยผู้อื่น ยกเว้น ความต้องการในขั้นสูงสุดหรือความต้องการความสำเร็จแห่งตน(ความต้องการที่จะได้รับความพึงพอใจสูงสุด) เป็นขั้นที่เกิดจากความต้องการของตัวบุคคลเป็นผู้กำหนดเอง

3. แรงจูงใจวาระซ่อนเร้น (Hidden Agenda)ของ Cromton
มี 7ประเภท ดังต่อไปนี้
การหลีกหนีจากสภาพแวดล้อมที่จำเจ
การสำรวจและการประเมินตนเอง
การพักผ่อน
ความต้องการเกียรติภูมิ
ความต้องการที่จะถอยกลับไปสู่สภาพดั้งเดิม
กระชับความสัมพันธ์ทางเครือญาติ
การเสริมสร้างการปะทะสังสรรค์ทางสังคม
    
      4. แรงจูงใจในการท่องเที่ยวในทัศนะของ Swarbrooke
แรงจูงใจทางด้านสรีระวิทยาหรือทางกายภาพ
แรงจูงใจทางด้านวัฒนธรรม
การท่องเที่ยวเพื่อตอบสนองอารมณ์ความรู้สึกบางอย่าง
การท่องเที่ยวเพื่อให้ได้มาเพื่อสถานภาพ
แรงจูงใจในการพัฒนาตนเอง
แรงจูงใจส่วนบุคคล 
   
      5. แนวโน้มของแรงจูงใจของนักท่องเที่ยว
Pearce, Morrison และ Rutledge ได้นำเสนอแรงจูงใจของนักท่องเที่ยว 10 ประการ ดังต่อไปนี้
แรงจูงใจที่จะได้สัมผัสสิ่งแวดล้อม
แรงจูงใจที่จะได้พบปะกับคนในท้องถิ่น
แรงจูงใจที่จะเข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่นและประเทศเจ้าบ้าน
แรงจูงใจที่จะสร้างเสริมสัมพันธ์ภาพภายในครอบครัว
      แรงจูงใจที่จะได้พักผ่อนในสภาพแวดล้อมที่น่าสบาย
       แรงจูงใจที่จะได้ทำกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสนใจและฝึกทักษะ
 แรงจูงใจที่จะมีสุขภาพดี
 แรงจูงใจที่จะได้รับการคุ้มกันและความปลอดภัย
 แรงจูงใจที่จะได้รับการยอมรับนับถือและได้รับสถานภาพทางสังคม
 แรงจูงใจที่จะให้รางวัลแก่ตัวเอง

โครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว หมายถึง องค์ประกอบพื้นฐานในการรองรับการท่องเที่ยวทั้งระบบ ถือเป็นส่วนในการสนับสนุนให้การท่องเที่ยวสามารถดำเนินไปได้ด้วยดี และทำให้เกิดความสะดวกรวดเร็วในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ได้แก่ ระบบไฟฟ้า ระบบประปา ระบบสื่อสารโทรคมนาคม ระบบการขนส่ง และระบบสาธารณสุข



ปัจจัยที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาค
 -ปัจจัยทางภูมิศาสตร์    เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และเป็นปัจจัยที่สร้างสรรค์ภูมิทัศน์ที่เป็นสิ่งดึงดูดใจทางการท่องเที่ยว
            -ลักษณะภูมิประเทศ เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก ที่ไม่เท่ากันในแต่ละภูมิภาค ลักษณะภูมิประเทศจึงแตกต่างกัน ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงจากภายในเปลือกโลก ทำให้เกิดภูเขา การเปลี่ยนแปลงบริเวณผิวโลก ทำให้เกิด เนินทราย เป็นต้น
            -ลักษณะภูมิอากาศ เป็นผลมาจากสถานที่ตั้งของแต่ละภูมิภาคที่อยู่ตามเส้น ละติจูดที่แตกต่างกัน ทำให้ภูมิอากาศมีความแตกต่างกัน
-ปัจจัยทางวัฒนธรรม  ความแตกต่างทางวัฒนธรรมของแต่ละภูมิภาค ย่อมเป็นสิ่งดึงดูดใจทางการท่องเที่ยวได้เช่นกัน


ที่มาจาก :
-  หนังสือเอกสารคำสอนวิชาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ม. ธุรกิจบัณฑิตย์
- Power Point อ. พิทยะ ศรีวัฒนสาร

บทที่2 - ประวัติศาสตร์การท่องเที่ยว

 ประวัติศาสตร์การท่องเที่ยว
การศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์ของการท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจเกี่ยวกับธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยว เนื่องจากมีบทเรียนจากประวัติศาสตร์มากมายที่จะต้องจดจำและสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับการท่องเที่ยวในปัจจุบัน สิ่งหนึ่งที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตการท่องเที่ยวในอดีตเมื่อ 3 พันปีก่อน ก็คือ ในปัจจุบันมีการจัดให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆแก่นักเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของที่พัก การให้บริการด้านอาหาร มัคคุเทศก์ และร้านขายของที่ระลึก เช่นเดียวกันกับในอดีต จะต่างกันก็เพียงแต่มาตรฐานและความสะดวกสบาย ซึ่งในปัจจุบันมีความทันสมัยมากกว่าแต่ก่อน 





















 วิวัฒนาการของการท่องเที่ยว 
  - อาณาจักร บาบิโลน ( Babylonian Kingdom) และ  อาณาจักรอิยิปต์    ( Egyptian Kingdom)
          - การจัดตั้งพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุ ( Historic Antiquities)  2600 ปีมาแล้วในอาณาจักรบาบิโลน
          - มีการจัดงานเทศกาลทางด้านศาสนา มีการพบหลักฐานจากข้อความที่นักเดินทางเขียนไว้ที่ผนัง หรือสิ่งก่อสร้าง อื่นๆ
          นักเดินทางที่มีความสำคัญ ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นนักเขียนเกี่ยวกับการเดินทางคนแรกของโลกก็ว่าได้ มีชื่อว่า    “HERODOTUS”
          - มัคคุเทศก์ในสมัยก่อนคริสตกาล แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ Periegetai(คอยต้อนฝูงนักท่องเที่ยวให้เข้ากลุ่ม) และ Exegetai(ให้ข้อมูลเพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินค่าตอบแทน)

จักรวรรดิกรีกและจักรวรรดิโรมัน
ลักษณะการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวสมัยกรีก
   - เป็นการปกครองแบบนครรัฐ (City State) ทำให้ไม่มีผู้นำสั่งการให้สร้างถนน จึงนิยมเดินทางทางเรือ
   - สถานที่ที่เชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตของเทพเจ้า
   - เดินทางเพื่อแสวงหาความรู้ เนื่องจากสมัยกรีกนี้มีนักปราชญ์เป็นจำนวนมาก อาทิ อริสโตเติล พลาโต โซเค        รติส
   - เพื่อการกีฬา โดนเฉพาะในกรุงเอเธนส์
   - เมื่อมีการเดินทาง ทำให้เกิดการสร้างที่พักแรมระหว่างทาง เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเพียงแค่ห้องนอนแคบๆ เท่านั้น




ยุคกลาง หรือยุคมืด ( Middle Age or Dark Age)
  -เป็นช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ ศาสนาเข้ามามีบทบาทในการกำหนดการดำเนินชีวิตของผู้คน
  -วันหยุด (Holy Days) เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น
  -คนชั้นกลางและชั้นสูงนิยมเดินทางเพื่อแสวงบุญ ในระยะทางไกลในเมืองต่างๆ ตามหลักฐานที่ปรากฏเป็น  นิทานเรื่อง Canterbury’s tales
  -การเฟื่องฟูของอาชีพมัคคุเทศก์



ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ( Renaissance)
ลักษณะสำคัญของการท่องเที่ยวในยุคนี้คือ
  - เกิดการพัฒนาทางด้านการค้า
  - ผู้คนเริ่มใฝ่รู้เกี่ยวกับเรื่องของยุโรปสมัยก่อน โดยเฉพาะชาวอังกฤษที่ร่ำรวย นิยมส่งบุตรชายออกเดินทางไป ต่างประเทศพร้อมกับผู้สอนประจำตัว (Travelling Tutors) เป็นระยะเวลา 3 ปี เรียกว่าแกรนด์ทัวร์ (Grand Tour)  โดยมีจุดมุ่งหมายที่ประเทศ อิตาลี
  - อาจเรียกแกรนด์ทัวร์ว่า เป็นการท่องเที่ยวเพื่อการศึกษาก็ได้



 สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18-19
  - สังคมเริ่มเปลี่ยนจากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม เกิดการล่าอาณานิคมขึ้น
  - ที่พักแรมได้รับการพัฒนามาตามลำดับ กลายมาเป็นโรงแรม แทนที่ inns ต่างๆ
  - การโยกย้ายถิ่นฐาน ไปยังดินแดนใหม่ๆ นอกยุโรป อาทิ ไป อเมริกา
  - มีการพัฒนาประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ำ กับเรือกลไฟแบบกังหันข้างผสมใบ ทำให้เกิดการเดินทางได้เร็วขึ้น
  - มีการพัฒนากิจการรถไฟ และในปี ค.ศ. 1841 โทมัส คุก ( Thomas Cook) ได้จัดนำเที่ยวทางรถไฟ

วิวัฒนาการการท่องเที่ยวของไทย
สมัยสุโขทัย
-การเดินทางเป็นไปอย่างอิสรเสรี โดยส่วนมากเป็นไปเพื่อการค้าขาย และทางศาสนา
ส่วนมากเป็นการเดินทางภายในประเทศเท่านั้น


สมัยอยุธยา
เนื่องจากเป็นอาณาจักรใหญ่ และระบบสังคมเป็นแบบ ศักดินา ผู้คนไม่ค่อยมีอิสระในการเดินทางมากนัก นอกจากไปเพื่อการค้าเล็กๆ น้อย ส่วนด้านการเดินทางเพื่อการพักผ่อน ไม่ค่อยปรากฏ เพราะประชาชนส่วนมามีเวลาว่างไม่มากนัก มักจะอยู่กับบ้านมากกว่า
-มีปรับปรุงเส้นทางทางน้ำเพื่อการคมนาคม ตลอดจนเส้นทางทางบก เพื่อความสะดวกสบายทางด้านการค้าเป็นหลัก และเพื่อการเดินทาง

 
ผลจากการเข้ามาของชาวต่างชาติในสมัยอยุธยา
ทำให้เกิดความเป็นนานาชาติในพระนครศรีอยุธยามากขึ้น ทำให้เกิดการผสมผสานวัฒนธรรม ประเพณีต่างๆ ทั้งของตะวันตก และของไทย ที่น่าสนใจคือ มีบันทึกการเดินทางของชาวตะวันตกที่เขียนเอาไว้เกี่ยวกับ ชีวิตความเป็นอยู่ การเดินทาง สถานที่ต่างๆ ในอาณาจักรอยุธยา แล้วนำกลับไปตีพิมพ์เผยแพร่ที่ตะวันตก ก่อให้เกิดการเดินทางเข้ามายังเอเชีย และอยุธยา มากขึ้น ในฐานะที่อยุธยาเป็นดินแดนของสินค้าของป่า เครื่องเทศ ทรัพยากรธรรมชาติ ที่สามารถสร้างกำไรให้มหาศาลแก่พ่อค้าชาวตะวันตก กล่าวได้ว่าอาณาจักรอยุธยา รุ่งเรืองมากทั้งทางด้านศิลปวิทยากร วัฒนธรรม ประเพณี บ้านเมืองร่ำรวย ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

สมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์
เป็นความพยายามของพระมหากษัตริย์ทั้งสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีและปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ที่พยายามจะทำฟื้นฟูความเป็นอยุธยาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง จะพบว่า โครงสร้างของบ้านเมือง ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีต่างๆ จะคล้ายกับในสมัยอยุธยา
รัฐบาลไทยขณะนั้นเห็นความสำคัญของการท่องเที่ยว จึงได้มีการจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(อสท.) จัดตั้งในปี พ.ศ. 2503 พร้อมกันนั้นก็มีการจัดตั้งบริษัทการบินไทย เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวของประเทศไทยอีกด้วย และได้เปลี่ยนมาเป็น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2522





ที่มาจาก :
-  หนังสือเอกสารคำสอนวิชาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ม. ธุรกิจบัณฑิตย์
- Power Point อ. พิทยะ ศรีวัฒนสาร

วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

บทที่1 - การท่องเที่ยว


การจำแนกประเภทของผู้มาเยือน การแบ่งตามช่วงเวลาที่ใช้ไปในการไปเยือนและมีการพักค้างคืน ณ สถานที่ที่ไปเยือนนั้น แบ่งออกเป็น
นักท่องเที่ยว (Tourist)
หมายถึง ผู้ที่มาเยือนชั่วคราว ซึ่งพักอยู่ ณ สถานที่ที่ไปเยือนอย่างน้อย 24 ชั่วโมง และมีการพักค้างคืนอย่างน้อย 1 คืน แต่ไม่เกิน 1 ปี ได้แก่
    - ผู้ที่ไม่มีถิ่นพำนักอยู่ในสถานที่ที่ไปเยือน
    - ผู้ที่มีสัญชาติของประเทศนั้นหรือเดิมเป็นคนในถิ่นนั้น แต่ปัจจุบันไม่ได้มีถิ่นพำนักในสถานที่ที่ไปเยือนแล้ว
    - ผู้ที่เป็นลูกเรือ ซึ่งไม่มีถิ่นพำนัก ณ สถานที่ที่ไปเยือน และมีการค้างคืน ณ สถานที่ที่ไปเยือน





นักทัศนาจร (Excursionist)
 คือผู้มาเยือนชั่วคราว ซึ่งพักอยู่ ณ สถานที่นั้นน้อยกว่า 24     ชั่วโมง และไม่พักค้างคืน ได้แก่
   - ผู้โดยสารเรือสำราญหรือเรือเดินสมุทร ซึ่งมาแวะพักชั่วคราว ไม่พักค้างคืน
   - ผู้ที่มาเยือนและจากสถานที่นั้นภายในวันเดียว (same-day visitor)
   - ลูกเรือ ที่ไม่ได้มีถิ่นที่อยู่อาศัย ณ สถานที่นั้นๆ และแวะพักเพียงชั่วคราว ไม่เกิน  24 ชั่วโมง





อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
หมายถึง การประกอบกิจกรรมด้วยการนำปัจจัยการผลิตต่างๆ มาผลิตบริการอย่างใดอย่างหนึ่งด้านการท่องเที่ยว ที่ก่อให้เกิดความสะดวกสบายหรือความพึงพอใจ และขายบริการด้านการท่องเที่ยวนั้นให้แก่ผู้เยี่ยมเยือน
สินค้าของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เหมือนหรือต่างจากสินค้าของอุตสาหกรรมอื่นๆ อย่างไร
           1.เป็นสินค้าที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Goods)
           2.เป็นสินค้าที่ไม่มีการเคลื่อนที่ไปหาผู้บริโภค
           3.เป็นสินค้าที่ไม่สูญสลาย
           4.เป็นสินค้าที่เปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนกรรมสิทธิ์ก็ได้
    - องค์ประกอบที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับนักท่องเที่ยว (องค์ประกอบหลัก)
                1. สิ่งดึงดูดใจทางการท่องเที่ยว
                2.ธุรกิจการคมนาคมขนส่ง
             3.ธุรกิจที่พักแรม
             4.ธุรกิจร้านอาหารและภัตตาคาร
             5.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์
        - องค์ประกอบที่สนับสนุนกิจกรรมการท่องเที่ยว (องค์ประกอบเสริม)
             1.ธุรกิจจำหน่ายสินค้าที่ระลึก
             2.ธุรกิจ MICE
             3.การบริการข่าวสารข้อมูล
             4.การอำนวยความสะดวกทางด้านความปลอดภัย
             5.การอำนวยความสะดวกในการเข้า-ออกเมือง   





                                              

ระเภทการท่องเที่ยว
แบ่งตามสากล
1.การท่องเที่ยวภายในประเทศ (Domestic Tourism)
2.การท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศ (Inbound Tourism)
3.การท่องเที่ยวนอกประเทศ (Outbound Tourism)

แบ่งตามลักษณะการจัดการเดินทาง
1.การท่องเที่ยวเป็นหมู่คณะ(Group Inclusive Tour: GIT)
   1.1.กรุ๊ปเหมา
   1.2.กรุ๊ปจัด
2.การท่องเที่ยวแบบอิสระ (Foreign Individual Tourism: FIT)
แบ่งตามวัตถุประสงค์การเดินทาง
1.เพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนานและพักผ่อน
2.เพื่อธุรกิจ
3.เพื่อวัตถุประสงค์พิเศษ

วัตถุประสงค์ของการท่องเที่ยว
มนุษย์เดินทางเพื่อการท่องเที่ยวด้วยความต้องการและเป้าหมายที่แตกต่างกันไป เช่น พักผ่อน ออกกำลังกาย/เล่นกีฬา เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรม ช้อปปิ้ง เป็นต้น

ความสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ทางเศรษฐกิจ
-เป็นแหล่งที่มาของเงินตราต่างประเทศ
-ช่วยลดปัญหาการขาดดุลการชำระเงินระหว่างประเทศ
-ช่วยสร้างอาชีพและการจ้างงาน
-ช่วยให้เกิดการกระจายรายได้
-ช่วยกระตุ้นให้เกิดการผลิตทางเศรษฐกิจ
ทางสังคมและวัฒนธรรม
-ช่วยยกมาตรฐานการครองชีพของคนในท้องถิ่น
-ช่วยสร้างสรรค์ความเจริญให้แก่สังคม
-ช่วยอนุรักษ์และฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม
-ช่วยก่อให้เกิดประโยชน์ทางการศึกษา
-ช่วยลดปัญหาความแออัดในเมืองหลวง
-ช่วยเกิดให้เกิดการนำทรัพยากรที่ไร้ค่าในท้องถิ่นมาสร้างมูลค่า
ทางด้านการเมือง
-ช่วยสร้างสันติภาพและความสามัคคี
-ช่วยส่งเสริมความมั่นคงและภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศ

ที่มาจาก : -  หนังสือเอกสารคำสอนวิชาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ม. ธุรกิจบัณฑิตย์
   - Power Point อ. พิทยะ ศรีวัฒนสาร